คาร์เนชั่น (carnation)

Group:

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dianthus caryophyllus

วงศ์ : Caryophyllaceae

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

คาร์เนชั่นแบ่งออกเป็น 2 ชนิด

1. คาร์เนชั่นดอกเดี่ยว (Standard carnation) มีดอกใหญ่ขนาด 3 นิ้วขึ้นไป ก้านดอกหนึ่งๆ เลี้ยงให้มีดอกเดียว การปลูกต้องเด็ดดอกข้างออกให้เหลือแต่ดอกกลาง เช่นพันธุ์ White Sim, Red Sim เป็นต้น

2. คาร์เนชั่นดอกช่อ หรือคาร์เนชั่นสเปรย์ (Spray Carnation) พวกนี้มีดอกเล็กขนาด 1- 2 นิ้ว ก้านหนึ่งมี 3-5 ดอกบานพร้อมกัน การปลูกให้เด็ดดอกกลางออก ปล่อยให้ดอกข้างทั้งหมดเจริญ เช่น พันธุ์ Exquisite, Karina เป็นต้น

     คาร์เนชั่นเป็นพืชยืนต้นมีชีวิตยาวหลายฤดู (perennial) แต่นิยมปลูกเลี้ยงกันในต่างประเทศเพียง 2 ปีในโรงกระจก สำหรับในเมืองไทยนั้นอาจปลูกเพียงฤดูเดียวหรือ 2 ฤดูเป็นอย่างมากก็รื้อแปลงทิ้งแล้วปลูกใหม่

คาร์เนชั้นมีลำต้นเป็นกอ กิ่งก้านยาวเก้งก้างต้องมีการคํ้าต้นจึงจะทำให้ก้านดอกตรง ใบของคาร์เนชั่นเรียวยาวสีเขียวอมฟ้าหม่นดูเหมือนมีขึ้ผึ้งสีขาวขุ่นเคลือบอยู่บาง ๆ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบและไม่มีก้านใบ ใบเกิดเป็นคู่โอบรอบข้อทำให้ดูบวมโตเฉพาะตรงข้อ ดอกมีกลีบบาง โคนกลีบสอบลงเป็นรูปลิ่ม ปลายกลีบหยักเป็นฟันเลื่อยละเอียดหรือหยักเป็นคลื่น กลีบดอกเรียงซ้อนกันแน่นโดยมีกลีบรองดอก (calyx) สีเขียวรูปกรวยโอบรัดโคนกลีบไว้ ปลายกลีบรองดอกหยักเป็นสามเหลี่ยมเล็กๆ 5 หยัก ดอกมีกลิ่นหอมคล้ายกานพลู ก้านดอกกลมเรียบ หักออกได้ง่ายตรงข้อ โดยไม่ฉีกขาด

คาร์เนชั่นมีดอกสวย มีสีต่างๆ กลิ่นหอมและบานทน พันธุ์ต่างๆ ที่ปลูกกันอยู่ได้รับการผสมพันธุ์ในต่างประเทศแถวทวีปยุโรป หรืออเมริกาเพื่อให้ปลูกในโรงกระจกที่มีการควบคุมอุณหภูมิ หรือนำ ไปปลูกในที่สูงจากระดับน้ำทะเลมาก ๆ ที่มีอากาศเย็น แหล่งผลิตคาร์เนชั่นดอกเดี่ยวที่สำคัญของโลกอยู่ที่เมืองโบโกตาในประเทศโคลัมเบีย ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,800 เมตร สำหรับคาร์เนชั้น ดอกช่อผลิตกันมากที่ริมทะเลสาปไนวาชาประเทศเคนยาของทวีปแอฟริกา ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร ดังนั้นแหล่งปลูกที่เหมาะสมในเมืองไทยคือ สภาพบนภูเขาที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากๆ ตามดอยต่างๆ ในภาคเหนือ เช่นดอยอ่างขาง ดอยสามหมื่น และดอยอินทนนท์ เป็นต้น ถ้าจะปลูกคาร์เนชั่นในพื้นที่ราบเชียงใหม่หรือจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคเหนือและอีสานก็ทำได้เช่นเชียงราย เลย เป็นต้น โดยเอากิ่งชำที่ออกรากแล้วปลูกเมื่อหมดฤดูฝนคือ ประมาณช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน และจะเริ่มให้ดอกประมาณต้นเดือนมีนาคมเป็นต้นไป เมื่อหมดดอกแล้วควรรอแปลงทิ้ง เพราะถ้าได้รับสภาพแวดล้อมในฤดูร้อนจะมีปัญหาจากแมลงคือ หนอนผีเสื้อ ประกอบกับอากาศร้อนทำให้ต้นโทรม ถ้าจะเลี้ยงต้นต่อไปในฤดูร้อนและฤดูฝนเพื่อรออากาศเย็นในช่วงหนาวใหม่นั้นไม่คุ้มแน่นอน

การปลูกคาร์เนชั่น ปลูกได้จากเมล็ดและกิ่งชำ ต้นที่ได้จากการเพาะเมล็ดมักให้ดอกเล็ก ก้านอ่อนและสั้น มักใช้ในการปลูกประดับแปลงมากกว่านำมาใช้เป็นไม้ตัดดอก ดอกมีคุณภาพต่างกับดอกที่ปลูกจากกิ่งชำสำหรับตัดดอกมาก

ที่มารูปภาพ:https://www.alkarty.com/carnation-flowers-seeds



68 คาร์เนชั่น (carnation)